วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เสพแล้วติด

ชนิดของสารเสพติดให้โทษที่แพร่ระบาดในปัจจุบัน
1.            แอมเฟตามีน หรือยาบ้า
ลักษณะทั่วไป
เป็นผงผลึกสีขาว ไม่มีกลิ่น รสขม มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางซึ่งมีหน้าที่เก็บความจำ ความคิดและควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ มีชื่อเรียกทางการค้าต่างๆ กัน เช่น เบนซีดรีน เด็กซีดรีน ฟีนามีน ฯลฯ แต่ในกลุ่มผู้เสพนิยมเรียกกันว่า ยาม้า ยาขยัน ยาแก้ง่วง ยาโด๊ป ยาเพิ่มพลัง และสุดท้ายเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ ยาบ้า ผงแอมเฟตามมีนเมื่อนำมาผลิตอัดเป็นเม็ดจะมีหลายลักษณะทั้งเม็กกลมและแคปซูน มีหลายสี แต่ส่วนมากมีสีขาว สีน้ำตาล เม็ดกลมแบน มีลักษณะบนเม็ดยา เช่น รูปหัวม้า 99 รูปดาว LONDONฯลฯ ในอดีต วงการแพทย์ใช้แอมเฟตามีนรักษาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต โรคซึมเศร้า โรคง่วงเหงาหาวนอน ใช้ลดความอ้วน แต่ด้วยอาการติดยา และมีผลเสียต่อสุขภาพจึงเลิกใช้ในปัจจุบัน ฤทธิ์ของแอมเฟตามีนจะมีผลมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นกับปริมาณยา ระยะเวลาของการใช้ยา สภาพของร่างกายผู้เสพ และเอกลักษณ์ทางเคมีของตัวยาว่ามีมาก้อยเพียงใดเป็นสำคัญ
            อาการของผู้เสพติดแอมเฟตามีนหรือยาบ้า
ฤทธิ์ของแอมเฟตามีนหรือยาบ้าส่งผลกระทบต่อผู้เสพ ก่อให้เกิดอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจดังต่อไปนี้
            อาการทางกาย
            ผู้เสพแอมเฟตามีนหรือยาบ้าประมาณ 20-30 กรัมต่อวัน จะมีอาการเบื่ออาหาร พูดมากตื่นเต้นง่าย มือสั่น คลื่นไส้ ความดันเลือดสูง หัวใจเต้นเร็วและแรง เหงื่อออกมาก กลิ่นตัวแรง ปากและจมูกแห้ง หน้ามัน ไม่ง่วง ทำงานได้นานกว่าปกติ รูม่านตาเบิกกว้าง สูบบุหรี่จัด ท้องเสีย มีอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย จะทำให้ตัวซีดจนอาจเขียว มีไข้ขึ้นใจสั่น หายใจไม่ออก มือสั่นมาก เดินโซเซ คลื่นไส้อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อาจชักหมดสติหรือเสียชีวิตด้วยอาการของโรคหัวใจวาย หรือหลอดเลือดในสมองแตก นอกจากนี้ผู้เสพยาบ้า ยังมีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคตับอักเสบ ไตไม่ทำงาน โรคเกี่ยวกับปอด และโรคติดเชื้ออื่นๆ ได้ง่าย
            อาการทางจิต
            เนื่องจากยาบ้ามีฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาทส่วนกลางและเป็นยาที่ถูกดูดซึมได้ง่าย จึงต้องเพิ่มขนาดเสมอๆ และเมื่อเสพต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการทางจิต คือ หวาดระแวง วิตกกังวล มีอาการประสาทหลอน บางรายเพ้อ คลุ้มครั่ง อาจเป็นบ้า ทำร้ายตนเองและผู้อื่นได้
2.            อีเฟดีน หรือยาอี
ลักษณะทั่วไป
เป็นผงละเอียดสีขาว ที่มักเรียกกันว่า ยาอี ยาเอฟ หรือ ยาอี๊ เมื่อนำมาผลิตจะมีหลายลักษณะ มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางเช่นเดียวกับยาบ้าจึงระบาดในกลุ่มผู้ใช้แรงงานโดยมีการนำมาใช้แทนยาบ้า ก่อให้เกิดปัญหาต้อชีวิตและทรัพย์สินส่วนรวมอย่างมากมายกฎหมายจึงมีการควบคุมและมีมาตรการลงโทษเช่นเดียวกับยาบ้าด้วย
อาการของผู้เสพติดอีเฟดีน
จะมีอาการคล้ายกับผู้ติดยาบ้า
3.            ฝิ่น
ลักษณะทั่วไป 
ฝิ่นเป็นพืชล้มลุก เนื้อฝิ่นได้มาจากยางที่กรีดจากผล (กระเปาะ) มีสีน้ำตาล กลิ่นเหม็นเขียว รสขม เรียกว่า ฝิ่นดิบ หากนำมาเคี้ยว ต้ม หรือหมักจนเป็นฝิ่นสุก จะมีสีน้ำตาลไหม้ปนดำ
มีรสขมเฉพาะตัว ในอดีตทางการแพทย์ใช้เป็นยาระงับปวด แก้โรคท้องเดิน และอาการไอ ด้วนมีฤทธิ์กดระบบประสาท
อาการของผู้เสพติดฝิ่น
ขณะเสพผู้เสพจะมีอาการจิตใจเลื่อนลอย ซึม ง่วง พูดจากวน อารมณ์ดี ความคิดและการตัดสินใจเชื่องช้า
ผู้เสพฝิ่นติดต่อกันมานาน สุขภาพร่างการจะทรุดโทรม ตัวซีดเหลือง ซูบผอม ตาเหม่อลอย ริมฝีปากเขียวคล้ำ อ่อนเพลียง่าย ซึมเศร้า ง่วงนอน เกรียจคล้านไม่รู้สึกตัว อารมณ์แปรปรวนง่าย ชีพจร เต้นช้า ความจำเสื่อม หากไม่ได้เสพจะมีอาการหงุดหงิด น้ำมูกน้ำตาไหลม่านตาขยายผิดปกติ ปวดกล้ามเนื้อและกระดูก ปวดบิดในท้องอย่างรุนแรง อาเจียน หายใจ ลำบาก อาจชักและหมดสติ
            4.มอร์ฟีน
            ลักษณะทั่วไป
            เป็นสารอัลคาลอยด์ที่สกัดได้จากฝิ่น มีลักษณะสีขาวนวล สีครีม สีเทา ไม่มีกลิ่น รสขม ละลายน้ำง่าย มีฤทธิ์กดประสาทและสมองรุนแรงกว่าฝิ่น 8-10 เท่าเสพติดได้ง่าย มีลักษณะต่างกันเช่น เป็นเม็ด ผง หรือแท่งสี่เหลี่ยม

อาการของผู้เสพติดมอร์ฟีน 
            ด้วยฤทธิ์กดประสาท ผู้ที่เสพมอร์ฟีนในระยะแรกจะช่วยทำให้ลดความวิตกกังวลคลายความเจ็บปวดทางร่างกายและทำให้ง่วงนอน หลับง่าย หากใช้เพื่อการรักษาต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ แต่ผู้ที่เสพจนติดแล้วฤทธิ์ของมอร์ฟีนจะทำให้เหม่อลอย เซื่องซึม เป็นต้น

5.เฮโรอีน (Heroin)
ลักษณะทั่วไป
            เป็นสารเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงที่สุด ได้มาจากกรรมวิธีทางเคมี ฤทธิ์มีความรุนแรงกว่ามอร์ฟีน 4-8 เท่า มีสองชนิดคือ ผงขาวเป็นเฮโรอีนบริสุทธ์ และไอละเหย เป็นเฮโรอีนไม่บริสุทธิ์    
            อาการของผู้ที่เสพติดเฮโรอีน                          
ผู้ที่เสพครั้งสองครั้งอาททำให้ติดเฮโรอีนได้ทันที ขณะเสพจะออกฤทธิ์กดประสาททำให้มึนงง เซื่องซึม ง่วง อ่อนเพลีย เคลิ้มหลับได้นานโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ผู้ที่เสพประจำจะทำให้สมองเสื่อม ปัญญาอ่อน ร่างกายซีดผอม สุขภาพทรุดโทรม ถึงขั้นช็อกละเสียชีวิตได้
6. โคเคน(Cocaine)
ลักษณะทั่วไป
            โคเคนหรือโคคาอีน เป็นสารเสพติดธรรมชาติที่ได้จาการสังเคราะห์ใบของต้นโคคาที่แปรสภาพสุดท้ายเป็น Cocaine Hydrochloride อันเป็นโคเคนบริสุทธิ์ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วยกลางเหมือนยาบ้า แต่จะทำให้ติดยาได้ง่ายกว่า มีลักษณะเป็นผงละเอียด สีขาว รสขม ไม่มีกลิ่น
             อาการของผู้เสพติดโคเคน
            เมื่อเสพโคเคนเข้าไประยะแรกจะทำให้เกิดอาการไร้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าคล้ายมีกำลังมากขึ้น ไม่เหนื่อย แต่จะอ่อนล้าทันทีเมื่อหมดฤทธิ์และมีอาการซึมฤทธิ์ของโคเคนจะไปกดการทำงานของหัวใจ ทำให้ชักและเสียชีวิตได้
           

 7. กัญชา
            ลักษณะทั่วไป
            กัญชาเป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้า จะใช้ใบและยอดช่อดอกตัวเมียมาตากหรืออบแห้ง แล้วหั่นหรือบดมาสูบกับบุหรี่หรือใช้บ้องไม่ไผ่ อาจใช้เคี้ยวหรือบดในอาหาร ออกฤทธิ์หลายอย่างรวมกัน ทั้งกระตุ้น กดและหลอดประสาท
            อาการของผู้เสพติดกัญชา
            ระยะแรกจะกระตุ้นประสาท ทำให้พูดมาก หัวเราะตลอดเวลา ตื่นเต้นง่าย ต่อมาจะคล้ายคนเมาเหล้า ง่วงนอน ซึม ถ้าเสพมากจะหลอนประสาทเห็นภาพลวงตา ความคิดสับสน ควบคุมตัวเองไม่ได้ อาจทำให้เป็นบ้าได้ ทำให้ติดโรคได้ง่าย ความรู้สึกทางเพศลดน้อยหรือหมดไปด้วย
            8. สารระเหย
            ลักษณะทั่วไป
            เป็นสารประกอบอินทรีย์เคมีที่ได้มาจากขบวนการผลิตน้ำมันปิโตรเลียมมีลักษณะเป็นไอระเหยเร็ว มักพบในรูปผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่างๆ เช่น ทินเนอร์ กาวน้ำ กาวยาง แล็กเกอร์ สีพ่น น้ำยาล้างเล็บ โดยถูกเสพผ่านทางเดินหายใจจะเข้าสู่กระแสเลือดแพร่กระจายไปส่วนต่างๆอย่างรวดเร็ว โดยสารพิษบางส่วนจะถูกกำจัดออกทางปอด ได้กลิ่นสารระเหยจากลมหายใจของผู้เสพผู้เสพได้
            อาการของผู้เสพติดสารระเหย
            1. พิษระยะเฉียบพลัน หลังเสพประมาณ 15-20 นาที ผู้เสพจะตื่นเต้น ร่าเริง ต่อมาจะมีอาการเมา พูดจาอ้อแอ้ (แม้ไม่มีกลิ่นสุรา) ความคิดสับสนควบคุมตัวเองไม่ได้ ฤทธิ์จะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้นอนไม่หลับ หูแว่ว จากนั้นจะซึม ง่วงเหงาหาวนอน อาเจียน หมดสติ และอาจทำให้หัวใจล้มเหลวเสียชีวิตได้

            2. พิษเรื้อรัง การเสพสารระเหยต่อเนื่องนานๆ เซลล์อวัยวะต่างๆ จะถูกทำลาย เกิดโรคต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะจะทำลายเซลล์สมอง ทำให้เป็นโรคสมองฝ่อถาวร ซึ่งไม่มีทางรักษาให้คืนสภาพปกติได้ และทำให้เป็นอัมพาตพิการถาวรได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น